Friday, August 17, 2012

ထိုင္း၀ီကီပီဒီယာထဲမွ တန္ေခၽြ


--------------------------------
ဒီအၾကာင္းကို ေရးခ်င္၊ မေရးခ်င္ ျဖစ္ေနတာ ၾကာၿပီ။

တစ္ခါတစ္ေလ ကိုယ့္လိုပဲ မသိဖူးတဲ့သူေတြကို ရွယ္ခ်င္စိတ္ ေပၚလာျပန္တယ္။ မွန္၊ မမွန္ကေတာ့ ကာယကံကိုယ္တိုင္ပဲ သိမွာပါေနာ္။

ကိုယ္ေတြပဲ မသိတာ။ တိုင္းတစ္ပါးသားေတာင္ သိကုန္ေနၿပီ။ ျမန္မာျပည္အေၾကာင္း စိတ္၀င္စားတဲ့ ထိုင္းအသိကေန ဖြင့္ျပမွ သူတို႔ေရးထားတဲ့ ဗိုလ္ခ်ဳပ္မွဴးႀကီးသန္းေရႊရဲ႕ အေၾကာင္းကို ဖတ္ရတယ္။

ထိုင္းေတြက သ နဲ႔ ရွ အသံမထြက္တတ္ေတာ့ သန္းေရႊကို တန္ေခၽြ လို႔ ေခၚၾကတယ္။

ရာဇ၀င္

ဗိုုုုလ္ခ်ဳပ္မွဴးႀကီး သန္းေရႊကို မႏၱေလးတိုင္း၊ ေက်ာက္ဆည္ၿမိဳ႕ ဆင္းရဲေသာ လယ္ယာလုပ္ မိဘမ်ားမွ ေမြးဖြားခဲ့သည္။ အသက္ ဆယ္ႏွစ္အရြယ္တြင္ ဖခင္ျဖစ္သူ ေသဆံုးခဲ့ၿပီးေနာက္ မိခင္ျဖစ္သူက မြတ္ဆလင္တစ္ဦးႏွင့္ ေနာက္အိမ္ေထာင္ျပဳခဲ့သည္။ ထို႔ေၾကာင့္ မိခင္ျဖစ္သူသည္ မြတ္ဆလင္ဘာသာ၀င္ ျဖစ္ရေလသည္။ ဖတဆိုးသန္းေရႊသည္ ကေလးကပင္ ဆင္းရဲပင္ပန္းစြာ ရုန္းကန္ခဲ့ရေလသည္။ အသားမဲ၍ ကုလားရုပ္ေပါက္ေနသည့္အျပင္ မိခင္ကမြတ္ဆလင္ဘာသာ၀င္ျဖစ္ေသာအခါ ကုလားေလးဟူ၍ ေလွာင္ေျပာင္ျခင္း ခံရေလ့ရွိသည္။

သန္းေရႊသည္ ငယ္စဥ္က ေအးေအးရွင္းရွင္း ေနေလ့ရွိၿပီး မည္သူႏွင့္မွ် အေပါင္းအေဖာ္ျပဳေလ့မရွိ။ စကားနည္းေသာ္လည္း ေျပာသည့္အတိုင္း လုပ္တတ္သည္။ စည္းကမ္းရွိ၍ စာေတာ္သည္။ သို႔ေသာ္လည္း ဆင္းရဲႏြမ္းပါးေသာေၾကာင့္ ေက်ာင္းထြက္ခံရၿပီး မိသားစုကို လုပ္ေကၽြးရေလသည္။ အထက္တန္းေက်ာင္းပညာကို ၁၈ႏွစ္အရြယ္မွ (1951) ေအာင္ျမင္ခဲ့သည္။
(က်န္တဲ့အပိုင္းကေတာ့ သိဖူးေလာက္မယ္ထက္တယ္။ စာတိုက္စာေရးကိေန ရန္ကုန္ဆင္းၿပီး စစ္ထဲ၀င္ျဖစ္သြားတာေတြ ျဖစ္ပါတယ္။) ဒါမွမဟုတ္ google ကေန ေကာ္ပီကူးၿပီး ဘာသာျပန္ေပါ့ေနာ္။

က်ေနာ္စိတ္၀င္စားတာက သူ႔မိသားစုအေၾကာင္းပါ။ တန္ေခၽြရဲ႕မိခင္က မြတ္ဆလင္နဲ႔ အိမ္ေထာင္ျပဳသြားေတာ့ အေမတူ အေဖကြဲ ေမာင္ႏွမေတြ ရွိ၊ မရွိ ဆိုတာပါ။ ထိုင္း၀ီကီမွာ မေဖာ္ျပထားေတာ့ မသိရဘူး။

သိသူမ်ား ေဖာ္ျပေပးၾကပါဦး။ သူက က်ေနာ္တို႔အားလံုးရဲ႕ အေရးအႀကီးဆံုးပုဂၢိဳလ္အျဖစ္ တာ၀န္ယူထားၿပီးမွ သူ႔အေၾကာင္းကိုလည္း က်ေနာ္တို႔ သိခြင့္ရွိတာေပါ့ေနာ္။

ထိုင္း ၀ီကီလင့္ခ္--- http://th.wikipedia.org/wiki/Than_Shwe

ประวัติ
พลเอกอาวุโส ตาน ฉ่วย เกิดที่เมืองจ็อกเส ซึ่งเป็นหมู่บ้านชนบทของมณฑลมัณฑะเลย์ พ่อแม่มีอาชีพทำไร่มีฐานะยากจน เมื่ออายุได้ 10 ขวบ พ่อตาย แม่มีสามีใหม่เป็นมุสลิม แม่จึงเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลาม ตาน ฉ่วยเลยกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่เด็ก ประกอบที่มีหน้าตาเหมือนแขก และแม่มีสามีเป็นชาวมุสลิม จึงมักถูกล้อเลียนว่าเป็น "ไอ้ลูกแขก"
เมื่อเป็นเด็กตาน ฉ่วยเป็นคนเงียบขรึม ไม่ค่อยยอมเป็นเพื่อนกับใครง่าย ๆ ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปเป็นคนพูดน้อย แต่ทว่ารักษาคำพูด และสุขุมรอบคอบมาก ตาน ฉ่วยเป็นเด็กเรียนหนังสือดี แต่ความไม่พร้อมทำให้ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ตาน ฉ่วยจึงเรียนไม่จบชั้นมัธยม 3 หลังจากออกมาหางานทำเพื่อเลี้ยงครอบครัวและตัวเองแล้ว จึงกลับไปเรียนใหม่จนสอบไล่ได้ชั้นมัธยมปลายใน พ.ศ. 2494 เมื่อมีอายุ 18 ปี
เมื่อจบการศึกษาระดับมัธยมปลาย ตาน ฉ่วยได้ไปสมัครเป็นเสมียนไปรษณีย์ ที่อำเภอเมตทิลา ทำงานได้ 1 ปี จึงไปกรุงย่างกุ้งเพื่อ สมัครเป็นทหาร แต่สอบเข้าได้เพียงเป็นนักเรียนนายร้อยสำรอง ใช้เวลาเรียนเพียง 6 เดือน ก็จบหลักสูตรนายร้อยสำรองรุ่น 9 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2501 ได้รับยศ ร้อยตรี
ตาน ฉ่วย รับราชการครั้งแรกในตำแหน่งผู้บังคับหมวดปฏิบัติงานสงครามจิตวิทยาสนามที่ 1 โดยมีภารกิจก็คือ ออกปฏิบัติการจิตวิทยากับชนกลุ่มน้อยกลุ่มของประเทศต่าง ๆ ให้ภักดีต่อประเทศพม่า
แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตรที่สำเร็จการศึกษา จากโรงเรียนนาย ร้อยหลัก แต่ด้วยการทำงานอย่างหนัก และการศึกษาหาความรู้ เพิ่มเติมอยู่เสมอ ภายในเวลา 5 ปี ตาน ฉ่วยได้พัฒนาตนจนได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นผู้อำนวยการ สถาบันการเมืองและวิทยาศาสตร์ ของกองทัพ
การทำงานอย่างหนักและอย่างเป็นระบบ ทำให้บั้นปลายท้ายต่อมาตานฉ่วยได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 1 ของเมืองเชียงตุง รัฐฉาน เป็นผู้บังคับการกรมได้ไม่นานเท่าไหร่ ก็ได้เลื่อนเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 88 และผู้บัญชาการภาคของทหารบกในภาคตะวันตกเฉียงใต้ และมณฑลอิระวดี
ภายในเวลาเพียง 32 ปี ตาน ฉ่วยเขยิบสถานะจากเสมียนไปรษณีย์มาเป็น นายทหารยศ พลตรี ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของกองทัพบก เมื่อปี พ.ศ. 2528
อีก 3 ปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2531 ตาน ฉ่วย ก็ได้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม
ดร.หม่อง หม่อง ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีที่สืบทอดอำนาจจากนายพลเน วิน ตาน ฉ่วย ตัดสินใจเข้าร่วมกับฝ่ายของพล เอกซอ หม่องยึดอำนาจจากรัฐบาล ดร. หม่อง หม่อง เมื่อการรัฐประหารยึด อำนาจประสบผลสำเร็จ ตาน ฉ่วย ได้รับสถาปนาเป็น พลเอก ในตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ควบตำแหน่งรองประธานสภาฟื้นฟูกฎหมายและความสงบเรียบร้อยแห่งรัฐ หรือ สภา SLORC
จากนั้นในปี พ.ศ. 2535 ตาน ฉ่วยได้รับตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ต่อมาเมื่อสลอร์คเปลี่ยนนโยบายเศรษฐกิจจากพุทธสังคมนิยมมาเป็นกึ่งเสรี ตามแนวทุนนิยม เปลี่ยนชื่อประเทศจากพม่ามาเป็นเมียนมาร์ คณะผู้ปกครองทหารพม่าเปลี่ยนชื่อจากสลอร์คมาเป็นสภาแห่งสันติภาพและการพัฒนา ประเทศ State of Peace and Development Council หรือ SPDC อย่างเช่นในปัจจุบัน ตาน ฉ่วยได้ขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดของประเทศในทุกด้าน ตั้งแต่เป็นประธาน SPDC นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุด[2]
ชีวิตส่วนตัว ตาน ฉ่วยสมรสกับนางจาย จ่าย และนางนอง สิฮาชเว ในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ. 2547 เมื่อตาน ตาร์ฉ่วย ลูกสาวของตาน ฉ่วย ที่เกิดกับนางจาย จ่าย จัดพิธีสมรสกับนายพันตรีในกองทัพบกพม่า ได้ปรากฏคลิปงานสมรสครั้งนี้กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ต และกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว โดยเฉพาะในหมู่ชาวพม่า โดยเฉพาะกลุ่มนักศึกษาและปัญญาชน เพราะสะท้อนถึงความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมของผู้ปกครองประเทศที่ปกครองด้วยระบอบเผด็จการทหาร[3]

No comments: